Chiang Rai News
เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในจังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน
เชียงราย – อากาศที่ร้อนขึ้นกำลังเปลี่ยนวิธีปลูกกาแฟในเชียงราย ช่วง 4 ถึง 5 ปีที่ผ่านมา สภาพอากาศเปลี่ยนชัดเจน ฤดูร้อนหลายพื้นที่แตะราว 30°C บ่อยขึ้น ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่เจอ อุณหภูมิสูงทำให้แปลงกาแฟในพื้นที่ต่ำรับผลกระทบมาก ต้นกาแฟเครียด โตช้าลง และทรงต้นอ่อนแรง
ปัญหายังไม่จบแค่ความร้อน ภัยแล้งและฝนที่มาตรงข้ามฤดูกาลกลายเป็นเรื่องที่เจอบ่อยขึ้น สิ่งเหล่านี้รบกวนช่วงออกดอกและช่วงเก็บเกี่ยว บางปีทำให้เสียหายหนัก โดยความเสียหายมักเกิดหลัก ๆ สองแบบ
อย่างแรกคือความร้อนจัดและแล้งในช่วงมีนาคมถึงเมษายน ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของการออกดอก ถ้าอุณหภูมิพุ่งและฝนไม่มา ต้นกาแฟอาจออกดอกน้อย ดอกไม่สมบูรณ์ หรือดอกหลุดก่อนติดผล
อย่างที่สองคือฝนตกหนักผิดจังหวะ ซึ่งระยะหลังมักตกแรงขึ้นจนหลายคนเรียกว่า “เรนบอมบ์” (Rain Bomb) หากฝนเทลงมาตอนเริ่มติดผล อาจกระตุ้นโรคราดำบนเมล็ด ทำให้คุณภาพตก และถ้าฝนหนักมาในช่วงเชอร์รีสุก (ราวปลายพฤศจิกายนถึงมีนาคม) ผลกาแฟอาจปริ แตก หล่น เก็บไม่ทัน และเสียหายเพิ่ม
เพราะสภาพอากาศไม่นิ่งแบบเดิม เกษตรกรจำนวนหนึ่งเริ่มย้ายแปลงกาแฟขึ้นที่สูง เพื่อรักษาทั้งผลผลิตและคุณภาพ พื้นที่ที่เคยเหมาะปลูกเมื่อก่อน ตอนนี้หาจุดสมดุลระหว่างอุณหภูมิและฝนได้ยากกว่าเดิม
นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านใน Ban Pang Khon และ Pha Lang, เชียงราย กำลังเผชิญอยู่ เมื่อสภาพอากาศผันผวนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการสนับสนุนจาก PTT Oil and Retail Public Company Limited (OR) ผ่านทีม Café Amazon
OR ทำงานร่วมกับชุมชนผู้ปลูกกาแฟมานานกว่า 10 ปีในหลายพื้นที่ และนำประสบการณ์นั้นมาต่อยอดการพัฒนากาแฟบนพื้นที่สูงในเชียงราย ให้เป็นแนวทางปลูกที่ยั่งยืนมากขึ้น
การสนับสนุนครอบคลุมการอบรมภาคปฏิบัติ การยกระดับคุณภาพ และการรับซื้ออย่างเป็นธรรม โดยกาแฟถูกส่งต่อไปยังมากกว่า 4,500 สาขาของ Café Amazon ทั่วประเทศ ซึ่งรวมแล้วมีการให้บริการมากกว่า 400 ล้านแก้วต่อปีทั่วโลก
การทำงานต่อเนื่องช่วยให้คุณภาพกาแฟดีขึ้นทุกปี และทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวในสองหมู่บ้านดีขึ้นแบบเห็นได้จริง โครงการกาแฟยั่งยืนเดินหน้ามากว่าทศวรรษด้วยเครือข่ายพันธมิตร โดยยืนอยู่บนแกนสำคัญสองอย่างคือ “ความรู้” และ “มาตรฐาน” ไม่ใช่แค่การรับซื้ออย่างเดียว
ทีมยังทำงานในหลายจังหวัด เช่น เชียงราย เชียงใหม่ น่าน และชุมพร เพื่อพัฒนาระบบปลูกที่ดีขึ้น พร้อมสร้างตลาดที่โปร่งใสและเป็นธรรม ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้สม่ำเสมอมากขึ้น ไม่ต้องหวังเพียงผลตอบแทนระยะสั้น
แนวทางของ OR คือเติบโตไปพร้อมชุมชน ลงพื้นที่เมื่อเกิดปัญหา และช่วยหาทางออกที่ทำได้จริง เพื่อให้การปลูกกาแฟเป็นอาชีพที่มั่นคงในระยะยาว
วันนี้ผลกระทบจากสภาพอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว ฟาร์มกาแฟไทยกำลังเจออุณหภูมิสูงขึ้น ฝนที่เดาไม่ออก และฤดูกาลที่ไม่เหมือนเดิม
การย้ายแปลงขึ้นที่สูงช่วยได้บางส่วน แต่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เกษตรกรยังต้องมีความรู้ที่ใช้งานได้จริง แผนปรับตัวที่เหมาะกับพื้นที่ และแรงหนุนที่ไว้ใจได้ หากสภาพอากาศยังเปลี่ยนต่อไป กาแฟไทยจะอยู่รอดได้ไม่ใช่แค่เพราะความสูง แต่เพราะความเร็วในการปรับตัวของทั้งผู้ปลูกและผู้สนับสนุนด้วย




