เชียงรายขอเมียนมาร์เจรจาด่วน หลังทุ่นระเบิดจีนปนเปื้อนแม่น้ำ

เชียงราย – วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 น.ส.เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ร่วมเวทีเสวนาเรื่องผลกระทบจากเหมืองแร่ในเมียนมา ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่าจากการติดตามสถานการณ์และข้อมูลของภาคประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกฝ่ายล้วนห่วงใยเรื่องปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองทองในเมียนมา แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร น.ส.เพ็ญโฉม ชี้แจงว่าแนวทางแก้ไขที่ต้นเหตุยังทำได้ยาก เพราะต้นตอของปัญหาเกิดขึ้นในฝั่งเมียนมา หน่วยงานไทยเองมีข้อจำกัดและจำเป็นต้องอาศัยการเจรจาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบทบาทของจีนที่เกี่ยวข้องด้านการลงทุนและควบคุมเหมืองแร่ในภูมิภาคนี้ ข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่า ก่อนปี 2560 จีนได้กวาดล้างบริษัทเหมืองทองที่ผิดกฎหมายในประเทศตัวเองและปล่อยให้บางส่วนย้ายไปตั้งในพื้นที่ใกล้ชายแดน เช่น ไทยและเมียนมา ปัจจุบันพบเหมืองทองในเมียนมาราว 11 แห่ง การทำเหมืองในพื้นที่เหล่านี้มักไม่มีโรงแต่งแร่ ใช้วิธีระเบิดหน้าดินแล้วนำก้อนสินแร่ออกมา ส่งผลให้มีเศษหินและดินปนเปื้อนสะสมจำนวนมาก เมื่อขุดเจาะก็จะปล่อยโลหะหนักอย่างสารหนูออกสู่สิ่งแวดล้อม หากไม่สามารถหยุดที่ต้นเหตุได้ เชียงรายและแม่สายอาจกลายเป็นพื้นที่ปนเปื้อนมลพิษขนาดใหญ่ของประเทศ น.ส.เพ็ญโฉมเสนอว่าต้องเร่งพูดคุยกับเมียนมา โดยต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนสำหรับสนับสนุนการเจรจา ประเทศไทยได้รับผลกระทบมาก ขณะที่เมียนมาและจีนยังไม่ได้รับผลเสียโดยตรง หน่วยงานไทยควรเร่งประเมินความเสียหาย 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ คำนวณตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นปัญหา ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะผลกระทบจากสารหนูและตะกั่วต่อชุมชนและควรมีงบประมาณเฝ้าระวัง ด้านสิ่งแวดล้อม ต้องคำนวณงบประมาณสำหรับฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อน เช่นเดียวกับกรณีแม่น้ำจินซูในญี่ปุ่น หรือเหมืองคลิตี้ที่กาญจนบุรีที่ผ่านมาใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาท ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าตะกอนและโคลนที่ไหลมายังเชียงรายปนเปื้อนโลหะหนักประเภทไหนบ้าง ถ้ามีปริมาณสูงเกินมาตรฐาน ต้องจัดการในฐานะของเสียอันตราย แต่ยังไม่มีแผนรองรับว่าจะนำไปทิ้งที่ไหน การป้องกันระยะยาวต้องเน้นตรวจวัดคุณภาพน้ำและตะกอนหน้าดินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามการกระจายสารพิษ … Continue reading เชียงรายขอเมียนมาร์เจรจาด่วน หลังทุ่นระเบิดจีนปนเปื้อนแม่น้ำ