Chiang Rai News
ชาวบ้านบ้านดู จังหวัดเชียงราย ประท้วงโรงเผาขยะที่ตั้งอยู่กลางป่าชุมชนของพวกเขา
เชียงราย – ป่าชุมชนหมู่บ้านโป่งพระบาท ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย กลายเป็นจุดรวมตัวของชาวบ้านราว 250 คน ที่ออกมาคัดค้านการก่อสร้างโรงเผาขยะในพื้นที่ป่าชุมชนต้นน้ำ เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ หลังทราบว่าเทศบาลตำบลบ้านดู่มีแผนใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดกำจัดขยะมูลฝอยระยะยาว 30 ปี
ชาวบ้านกังวลว่าหากมีโรงเผาขยะเกิดขึ้นจริง จะกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ถึง 7 หมู่บ้าน ทั้งเรื่องภูมิทัศน์ธรรมชาติที่ต้องหายไป กลิ่นเหม็นจากขยะ ควันเผาไหม้ ปัญหาสุขภาพ และน้ำเสียที่อาจไหลลงสู่พื้นที่การเกษตรและแหล่งน้ำของชุมชน
รวมตัวหน้าป่าชุมชน ยืนยัน “ไม่เอาโรงเผาขยะ”
เช้าวันที่ 15 ธ.ค. ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านในตำบลบ้านดู่ รวมตัวกันที่ป่าชุมชนหมู่บ้านโป่งพระบาท หมู่ 6 เพื่อแสดงจุดยืนไม่เอาโรงเผาขยะ โดยมีตัวแทนชุมชนขึ้นกล่าวปราศรัยและเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากคนในพื้นที่
แกนนำที่ร่วมพูดคุยกับชาวบ้าน ประกอบด้วย นายจักรกฤษ กองสุเรือง ผู้ใหญ่บ้านโป่งพระบาท, นายสัญญา วงษ์สร้อยสน สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านดู่ และนายสิงห์คำ มโนหาญ อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านดู่ ซึ่งต่างออกมาแสดงจุดยืนร่วมกับชาวบ้านว่า พื้นที่ป่าชุมชนควรอยู่กับคนในชุมชน ไม่ใช่กลายเป็นแหล่งกำจัดขยะ
ชาวบ้านโวย ไม่เคยมีประชาพิจารณ์ ไม่เคยชี้แจงโครงการ
นายจักรกฤษระบุว่า เรื่องการนำป่าชุมชนไปใช้เป็นสถานที่กำจัดขยะ เป็นเรื่องที่ชาวบ้านไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ไม่เคยมีการจัดประชาพิจารณ์ หรือประชุมชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจรายละเอียดโครงการเลยสักครั้ง
ชาวบ้านหลายคนเพิ่งมาทราบเรื่อง เมื่อเห็นป้ายของเทศบาลที่ติดประกาศในพื้นที่ ว่ากรมป่าไม้อนุญาตให้ใช้ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อทำสถานที่กำจัดขยะเป็นเวลา 30 ปี ทำให้เกิดความกังวลว่าทางเทศบาลอาจเดินหน้าโครงการและจัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว โดยที่คนในพื้นที่ไม่มีส่วนร่วมตัดสินใจ
กังวลกระทบ 7 หมู่บ้าน ทั้งกลิ่นเหม็น ภูมิทัศน์ และสุขภาพ
ชาวบ้านชี้ว่า หากมีโรงคัดแยกและเผาขยะในบริเวณนี้จริง ผลกระทบจะลามไปถึง 7 หมู่บ้านในตำบลบ้านดู่ ได้แก่ หมู่ 1, 2, 5, 6, 13, 14 และ 18 เนื่องจากป่าชุมชนโป่งพระบาทตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านมาก
ผลกระทบที่ชาวบ้านกลัวมากที่สุด คือ
- ภูมิทัศน์ธรรมชาติของป่าชุมชนหายไป
- กลิ่นเน่าเหม็นของขยะรบกวนตลอดวัน
- ควันเผาไหม้ที่อาจมีสารพิษสะสมในร่างกาย
- ปัญหาสุขภาพของคนแก่ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
- น้ำเสียจากการจัดการขยะปนเปื้อนลงแหล่งน้ำ
หลายครอบครัวตั้งข้อสังเกตว่า ชุมชนเคยเผชิญปัญหาขยะลักลอบทิ้งมาก่อน จึงไม่อยากกลับไปเจอสภาพเดิมซ้ำอีก
ป่าชุมชนถูกตั้งขึ้น เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งขยะ
นายจักรกฤษอธิบายว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนนอกพื้นที่ลักลอบนำขยะเข้ามาทิ้งในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงร่วมกันหาทางออกด้วยการขอจัดตั้งเป็น “ป่าชุมชน” เพื่อให้มีฐานะทางกฎหมาย และใช้เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ใครนำขยะมาทิ้งอีก
การจัดตั้งป่าชุมชนจึงไม่ใช่เพียงเรื่องการอนุรักษ์ป่า แต่เป็นความพยายามของชาวบ้านที่จะปกป้องพื้นที่ต้นน้ำ และคุณภาพชีวิตของคนทั้ง 7 หมู่บ้านในระยะยาว ชาวบ้านจึงยิ่งรับไม่ได้เมื่อรู้ว่า พื้นที่ที่ช่วยกันรักษา กลับถูกกำหนดให้เป็นที่รองรับขยะ
เรียกร้องให้ทำประชามติ ให้คนในพื้นที่ตัดสินอนาคตป่า
นายจักรกฤษมองว่า เรื่องใหญ่ระดับนี้ควรให้ชาวบ้านทั้ง 7 หมู่บ้านมีสิทธิ์ตัดสินใจร่วมกัน เขาเสนอให้จัดทำประชามติในพื้นที่ ว่าคนส่วนใหญ่ “ยอมรับ” หรือ “ไม่ยอมรับ” โรงคัดแยกและเผาขยะในป่าชุมชน
เขาย้ำว่า คนที่อยู่กับพื้นที่ทุกวัน เป็นกลุ่มที่ต้องรับผลกระทบโดยตรง จึงควรมีสิทธิ์กำหนดอนาคตของป่าและชุมชนตัวเองอย่างแท้จริง
อดีตผู้บริหารเทศบาลเผย เคยมีผลวิจัยชี้แล้วว่าไม่เหมาะ
ด้านนายสิงห์คำ มโนหาญ อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านดู่ เล่าย้อนว่า ปัญหาเรื่องการใช้พื้นที่ป่าชุมชนแห่งนี้เพื่อกำจัดขยะ เริ่มตั้งแต่ปี 2559 ตอนที่ตนยังทำงานในฝ่ายบริหารของเทศบาล
ในช่วงนั้น เทศบาลได้ยื่นเรื่องขอใช้พื้นที่ป่าจากกรมป่าไม้ เพื่อวางแผนเป็นสถานที่กำจัดขยะของตำบล ต่อมาในปี 2561 มีการทำวิจัยประเมินความเหมาะสมของพื้นที่ แต่ผลการศึกษาออกมาว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่เหมาะกับการใช้เป็นแหล่งกำจัดขยะ
เมื่อสอบถามความคิดเห็นจากชาวบ้านในช่วงนั้น ก็พบว่าไม่มีใครเห็นชอบให้ใช้พื้นที่นี้สร้างโรงกำจัดหรือเผาขยะเช่นกัน
เส้นเวลา “ป่าชุมชน” กับ “สถานที่กำจัดขยะ” ห่างกันแค่ 10 เดือน
จากข้อมูลรายงานข่าว พบว่า ป่าชุมชนหมู่บ้านโป่งพระบาทได้รับการจัดตั้งเป็นป่าชุมชน ตามคำร้องขอของชาวบ้านเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2568
ต่อมาในปีเดียวกัน เทศบาลตำบลบ้านดู่ได้ยื่นคำขอใช้พื้นที่เดียวกันไปยังกรมป่าไม้ เพื่อกำจัดขยะมูลฝอย และได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2568 ห่างจากวันจัดตั้งป่าชุมชนเพียง 10 เดือนเท่านั้น
ในปัจจุบัน เทศบาลได้นำป้ายไปติดไว้ในพื้นที่ ระบุข้อความว่า
“กรมป่าไม้อนุญาตให้เทศบาลตำบลบ้านดู่ เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยนางแล ป่าดอยยาว และป่าดอยพระบาท ท้องที่ตำบลบ้านดู่ เพื่อใช้เป็นพื้นที่กำจัดขยะมูลฝอย เนื้อที่ 15 ไร่ 6 งาน 23 ตารางวา ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2568 จนถึงวันที่ 10 ก.ย. 2598”
หลังจากติดป้ายได้ไม่นาน มีคนนำสีไปพ่นและขีดเขียนทับข้อความ พร้อมทำเครื่องหมายกากบาทพร้อมคำว่า “ไม่เอาขยะ” แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า ชุมชนไม่ยอมรับโครงการนี้
แกนนำชุมชนเตรียมยื่นเรื่องต่อหน่วยงานระดับชาติ
แกนนำชาวบ้านแนะนำให้ชุมชนรวมตัวกันยื่นหนังสือคัดค้านต่อหลายหน่วยงาน เช่น คณะกรรมาธิการ วุฒิสภา และหน่วยงานที่ยังมีอำนาจตรวจสอบนโยบายของรัฐ แม้ในช่วงที่สภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ
เป้าหมายของการยื่นหนังสือ คือทำให้เสียงของชาวบ้านส่วนใหญ่ในทั้ง 7 หมู่บ้าน ถูกส่งต่อไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้การจัดการพื้นที่ป่าชุมชนโป่งพระบาท เดินไปตามความต้องการของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง ไม่ใช่ถูกกำหนดจากเอกสารอนุญาตเพียงไม่กี่ฉบับ
ชาวบ้านจำนวนมากยังยืนยันว่า ป่าชุมชนแห่งนี้คือ “พื้นที่ชีวิต” ของคนทั้งตำบลบ้านดู่ ไม่ใช่เพียงพื้นที่ว่างสำหรับกำจัดขยะของเมืองเชียงราย




